Friday, November 27, 2009

ประสาทหินขอม ยุคช้างหิน

มะวันก่อนคุยกับ อทม. เรืองปราสาทหินขอม ว่า ขอมหายไปไหนทำมัยไม่มีการสืบทอดงานสถาปัติยกรรม เหมือนอยู่ๆมันหายไป แล้วคนแถวนั้นในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับงาน เลย
วันนี้ก็ได้ไปอ่านกระทู้นี้ เข้า เค้าตั้งกระทู้ตามหลังการคุยกัน ระหว่าง ฉันกับ อทม แต่ก็ดูจะเป็นคน ที่มีมุมมอง ที่คล้ายๆ กันเรื่องการหามุมมอง ที่ เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ชาวบ้านเด็กอ่านเล่นได้เพลินๆ ...
ดงันั้น ขอบอกว่า ท่านอ่านเล่นได้ จะยึดเป็นตำราไปสอบที่ไหน นั้น ไม่ได้ ครับ
กระทู้นี้ http://talk.mthai.com/topic/85584
ห้ามเอาไปโม้ต่อที่อื่น อาจจะ มีอันตรายได้
ไม่เข้าใจ บทความอะไรทำมัย อ่านไปมา สับสนมากมายขนาดนี้สรุุป ได้ ตอนปลายๆว่า
ภาษาขอม กับภาษาไทยไม่เหมือนกัน บางอย่างเราต้องยอมรับ ความยิ่งใหญ่ของศิลปะ สถาปัตยกรรม นั้น
มันวัดกันที่ อำนาจทางทหาร หรืออาวุธ หรือไม่ คนทำงานศิลปะเค้าไม่มีเรื่องของการเข่นฆ่า
ชิงอำนาจกัน แต่ถามว่า ประวิติศาสตร์ของไทย เรานั้นที่เรียนๆ กันมา เน้นแต่เรื่องการ สู้รบแย่งอำนาจมาตลอด
... ไม่ว่า จะโดนพม่าตี รึไปตีพม่า หรือยังงัยก็แล้วแต่ แต่ผมเชื่อว่า ความสามารถ ความเก่งกาจทางเรื่องการทำศึกสงคราม
เอาแผ่นดินมาครองนั้นไม่ใช่ตัววัดความเจริญทางสถาปัตยกรรม แต่อย่างใดโดยแม้แต่น้อย (ทำลายตลอด)
ทหารส่วนทหาร สถาปัตยกรรม ก็แยกกัน สมัยก่อน ช้าง จะถูกใช้แรงงานในการลากหินมีล้อหนุนแท่นหินที่
ถูกตัดแต่งให้เท่าขนาดทีจะใช้ในแหล่งหิน ตัดหน้าหินให้เรียบก่อนวางบนรถไม้เพลาไม้ล้อหินขนาดใหญ่
แล้วใช้ช้างลากไป(ยุคช้างหิน) แบ่งหน้าที่ตามกัน ช่างแกะก็แกะไป ช้างก็ลากหินไป การยกหินขึ้นเทินกันนั้นก็
คงไม่ยากถ้าใช้รอกและใช้ช้างสักสองสามตัวลาก

ส่วนเรื่องการศึกสงคราม ก็ใช้ช้างนั้นแหละ แต่ว่าใครแย่งใคร ๆรบใคร มันก็คงจะเดาๆกันไปมันสังคมเดียวกันมาก่อน
ผมก็ไม่รู้เรื่องประวัติศาตร์เรียนก็เอาแค่ผ่าน แล้วที่เขียนมาให้อ่านก็ไม่รู้ว่า จริงทั้งหมดรึไม่

ให้ผมเดาเองนะ
ให้ขอมเป็นวิศวะกร ส่วนไทยนั้นเป็นคนรักรักช้างเข้ากับช้างได้ดี ฝึกช้างได้ จึงถูกจ้างงาน
มาขนหินคือรับเหมาก่อสร้างนั่นเอง ส่วนงานออกแบบและงานช่างแกะสลัก ก็น่าจะเป็นขอมแล้วคนไทยก็เรียนรู้ไปกะเค้าด้วย
ต่อมา พอสร้างงานเสร็จ ขอมประสบปัญหา เรื่องการเงิน ฟองสบู่ หรือต้มยำกุ้งอะไรก็แล้วแต่ อาจจะเหมือน ดูไบ ตอนนี้ ก็เป็นได้
แล้ว งัยต่อ คนไทยก็โมโหสิทำงานหนัก ทั้งคนทั้งช้าง จะยอมได้เหรอโดนเบี้ยวค่าแรง เลยเปลี่ยนจากช้างงานลากหิน เป็นช้างศึกแทน
ก็รบกันมาเรื่อย ไม่มีใครสนใจหรอกเรื่องปราสาทหิน เพราะทุกคนต้องกินต้องใช้ เลี้ยงลูกเมีย เงินไม่มี
มันก็อยู่กันไม่ได้ จะมาลากหิน มาก่อสร้างอะไรนักหนา .. เรื่องมันก็ไม่ต่างไปจากปัจุบัน เราเท่าไร
ปัจจุบันี้คนไทยยังมีช้างเป็นสัญลักษณ์ ขอมก็มีปราสาทหิน(ที่ขอมยังติดค่าแรงช้างไทยอยู่)
ส่วน เขมรประชาชนขอมผู้ยากจน ตั้งแต่สมัยพระเจ้าขอมรุ่งเรือง(ราชารุ่งเรืองใช่ว่าประชาจะรุ่งเรืองด้วยไม่งั้นคงไม่ล่มสลาย)
ราชาขอมก็คงจะเป็นเหมือน ราชาของชาติตะวันตกที่ถูกประหารทั้งตระกูล(หนังจีน) คงไม่ได้ตายในสนามรบหรอก
ความสามารถในเรื่องสถาปัตยกรรม ก็ไม่ได้สูญหายไปไหน แต่พัฒนามาใช้เท่าที่จำเป็นตัดทอนมากขึ้น
ไม่ต้องใช้ขนาดแรงช้างเอาแค่แรงงานคนก็พอ ปักเสาบ้านใช้คนสิบคนกระโดดเหยียบเอา ร้องเพลงไปกระโดดเป็นจังหวะพร้อมกัน
สมัยนี้ก็ยังมีให้เห็นในกรุงเทพก็มี แล้วแต่สถานที่จะอำนวยให้ จนกระทั่งมีเครื่องจักรก็ใช้เครื่องจักร

เรื่องนี้สอนให้รู้คุณค่าของงานศิลปะสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะของเก่ารึของใหม่ เราจะได้ใส่ใจในวิชาความรู้ พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไป
การมานั่งโต้แย้งแย่งมรดกกัน ก็ทำไปตามพินัยกรรมเถิด

ปัจจุบันนี้ เราพัฒนากันมากกว่าอดีตแน่นอน อย่าดูถูกตัวเองเลย .. เรารู้จักใช้พื้นที่แต่พอดีตัว
ออกแบบบ้านให้สวยกระทัดรัดเน้นบริเวณโปร่งรับลมสบายๆ ใช้พื้นที่ให้เป็ฯประโยชน์มากที่สุด อยากเที่ยวก็ไป อยากไปดู ปราสาทหินก็ไป ..

ศิลปะแม้ไม่มีชีวิต แต่มีเวลา(เวลาสังเกตงานเวลาชมที่เสียไป ) มีความคิด มีความงาม ที่สร้างผลทางความคิด เราได้มากมาย ..
อย่าไว้ใจงานศิลปะมากเกินไปให้สนใจเรื่องท้องไส้ของประชาชน ให้สนใจครอบครัว สนใจคนรอบข้าง สนใจเมีย สนใจลูก
( ทองบาทนึง ซื้อข้าวธงฟ้า ได้ ร้อยเจ็ดสิบถุง )

เราคงเรียกร้องอะไรมากไม่ได้ หรอก พูดจริงๆ อำนาจยังต้องเป็นของคนที่มี กำลังมากกว่า
และมีอาวุธที่ร้ายแรงกว่า โชคดีที่พวกที่มีนิวเคลียร์ มันยังคุยภาษาคนรู้เรื่อง
ล่าสุด ประเทศไร? ลืม ที่ฆ่าหมูรวมนักข่าวด้วย 30-50 ศพ นี่จำไม่ได้ คนหรือูฐ

ถ้าเราจะให้อำนาจแก่ใครไป เราเชื่อใจเค้าได้มั้ย ว่าเค้าจะไม่เอามันมาจัดการคนในชาติเรา
รักกันนะครับคนไทย ...

No comments:

Post a Comment